ปัจจุบันมีการใช้งานโดรน (Drone) หรืออากาศยานบังคับด้วยคลื่นวิทยุระยะไกล เพื่อใช้ในการบันทึกภาพมุมสูงกันอย่างแพร่หลาย ด้วยความสามารถในการถ่ายภาพในรูปแบบต่างๆ ได้โดยสะดวก มีต้นทุนต่ำกว่าการใช้อากาศยานขนาดใหญ่แบบในอดีต และด้วยราคาของอุปกรณ์ที่มีราคาถูกลงอย่างมากในปัจจุบัน จนช่างภาพและบุคคลทั่วไปสามารถจัดหามาใช้งานกันเป็นจำนวนมาก

โดรนมีหลายชนิดและหลายขนาด ตั้งแต่โดรนขนาดเล็กเพื่อใช้สำหรับทำการบินเล่นไปจนถึงโดรนที่มีขนาดใหญ่ที่มีความสามารถติดกล้องหรืออุปกรณ์ที่มีน้ำหนักพอสมควร และทำการบินได้ไกลและสูงห่างจากตัวผู้บังคับและส่งภาพในมุมสูงกลับมายังอุปกรณ์รับภาพในทันทีแบบ Real-Time เป็นที่มาของการใช้งานทั้งเพื่อความบันเทิง งานสร้างสรรค์ งานกู้ภัย งานภาคการเกษตรหรืองานที่มีประโยชน์อื่นๆ และรวมไปถึงงานสอดแนม หลายประเทศเริ่มให้ความสำคัญและเริ่มประสบปัญหาการใช้งานโดรนที่เริ่มควบคุมไม่ได ้จนต้องมีมาตรการตั้งแต่การรณรงค์การใช้งานให้ถูกต้อง กำหนดพื้นที่บิน หรือแม้แต่การจัดการกับโดรนที่ฝ่าฝืนหรือก่อความเดือนร้อนจนอาจจะเป็นการละเมิด หรือก่ออันตรายกับผู้อื่น

แนวทางการจัดการปัญหาโดรนด้วยวิธีการตัดสัญญาณควบคุม

หากกล่าวข้ามเรื่องการรณรงค์ การลงทะเบียนเพื่อควบคุมและกำหนดกฎเกณฑ์การบินแล้ว การจัดการกับโดรนที่ทำการบินโดยละเมิดกฎย่อมต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด หรือในบางครั้งการป้องกันการบินเหนือพื้นที่ห้ามบิน หรือพื้นที่ส่วนบุคคลจึงเริ่มมีการนำอุปกรณ์ตัดสัญญาณควบคุมโดรนหรือ Anti-Drone มาใช้งาน


ชุด portable "DroneGun" สินค้าของ Droneshield (ออสเตรเลีย)
(ที่มา: https://www.droneshield.com/dronegun)

หลักการของอุปกรณ์ดังกล่าวอาศัยการส่งสัญญาณรบกวนบนย่านความถี่ 2.4GHz หรือ 5GHz ที่มักถูกใช้เป็นคลื่นความถี่เพื่อควบคุมการบินจากระยะไกล ทั้งนี้การส่งสัญญาณในรูปแบบของการสร้างสัญญาณรบกวนและกวาดในย่านความถี่ดังกล่าวจะทำให้การควบคุมการบินของโดรนถูกตัดขาด เพิ่อประสิทธิภาพและความแม่นยำของการใช้งานอุปกรณ์ Anti-Drone ยังอาจใช้สายอากาศแบบทิศทางเข้าช่วยเพื่อให้การรบกวนพุ่งตรงไปยังโดรนเป้าหมายได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น การใช้งานอุปกรณ์ Anti-Drone มีทั้งแบบ Portable ขนาดเล็ก เคลื่อนย้ายนำไปปฏิบัติการด้วยคนได้ อาทิ อุปกรณ์พวก DroneGun และขนาดใหญ่ที่เป็นระบบ (System) เพื่อ Track และยิงสัญญาณรบกวนใส่โดรนที่เข้ามาในรัศมีได้โดยอัตโนมัติ

โดรนที่โดนรบกวนการควบคุมจะไม่สามารถรับคำสั่งจากผู้ควบคุมได้ โดยโดรนบางรุ่นอาจหยุดบินและร่วงลงมาทันที หรือโดรนมารุ่น (ส่วนมากเป็นรุ่นที่ราคาแพง) จะมีโปรแกรมควบคุมการลงแบบฉุกเฉินในกรณีขาดการควบคุมหรืออาจบินลอยในอากาศเพื่อรอสัญญาณควบคุมกลับมา หรือจนกว่าแบตเตอรี่จะหมดและแต่ผู้ผลิตจะตั้งโปรแกรมไว้

การจัดหาอุปกฺรณ์ Anti-Drone
- แนวทางแรกเป็นการสั่งซื้อจากต่างประเทศ ที่ในต่างประเทศมีผู้เริ่มผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ Anti-Drone หลายราย โดยส่วนมากยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก (ไม่ได้มีการวางขายโดยทั่วไปต้องทำการสั่งจากผู้ผลิตโดยตรง) ซึ่งต้องใช้เวลาในการสั่งและนำเข้า โดยอุปกรณ์มีขนาดตั้งแต่กำลังส่งต่ำๆรัศมีทำการใกล้ๆ ไปจนถึง military grade เพื่อใช้งานในงานเฉพาะ สั่งจากต่างประเทศอาจได้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพ แต่ราคาและต้องเผื่อระยะเวลาในการรับมอบอุปกรณ์ *ราคาขึ้นกับผู้ผลิต 100,000+ บาท สำหรับแบบ portable และระดับหลายล้านบาทสำหรับแบบ System

ชุด portable "DroneGun" สินค้าของ Droneshield (ออสเตรเลีย)
(ที่มา: https://www.droneshield.com/dronegun)

ชุด portable "Battelle Drone Defender" สินค้าของ Battelle (US.)
(ที่มา: http://www.battelle.org/our-work/national-security/tactical-systems/battelle-dronedefender)

ระบบ Anti-Drone ที่เป็น System จะมีการทำงานเป็นอัตโนมัติตั้งแต่ตรวจจับและสกัดกั้น
ระบบแบบนี้เหมาะกับการติดตั้งประจำที่ อาทิ สนามบิน พื้นที่เฉพาะ และมีราคาแพงมาก อาทิ ระบบ AUDS สินค้าของ Blighter (US.) (ที่มา: http://www.blighter.com)

- แนวทางที่สองคือการประกอบและพัฒนาชุด Anti-Drone ในประเทศ โดยในปัจจุบัน อุปกรณ์ที่มีลักษณะกวนสัญญาณ (Jammer) ก็มีการพัฒนาและผลิตใช้ในงานเฉพาะด้านภายในประเทศอยู่แล้ว ซึ่งอุปกรณ์กวนสัญญาณดังกล่าวก็มีการผลิต พัฒนาไปครอบคลุมถึงย่านความถี่ทั้ง 2.4GHz และ 5GHz โดยสามารถจัดหาอุปกรณ์ประกอบได้ในประเทศ หากต้องการรีบใช้งานและมีค่าใช้จ่ายต่อชุดที่ถูกกว่า สนนราคาที่ราวชุดละหลักหมื่นไปจนถึงเป็นแสนบาท สำหรับชุด Anti-Drone ภาคสนามที่มีระยะหวังผล 800 - 1,000 เมตร

@suebsak1
[29 พฤศจิกายน 2559]

Hashtag


suebsak.com @ 2016-2017 ALL RIGHTS RESERVED
IP: