จากบทความตอนที่แล้ว
>> 2013.09.21
- [รีวิว] วางแผนแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวพม่า ไปกันได้ไม่ยากอย่างที่คิดครับ
ว่าด้วยการเตรียมการของผมเพื่อเดินทางไปเที่ยวพม่า
ดินแดนแห่งมนต์ขลังที่อยากไปมานาน หลายคนมีความอยากไปพม่าในหลากหลายมุมที่ต่างกัน
แต่สำหรับผมแล้วด้วยความที่อ่านหนังสือประวัติศาสตร์ และชอบติดตามเรื่องเก่าๆของไทย-พม่ามานาน
พม่าดูจะมีความน่าสนใจในสายตาผมมากๆ ยังไม่นับนิยายชื่อดัง
"ผู้ชนะสิบทิศ" และเพลงในชื่อเดียวกันที่ได้ยินได้ฟังติดหูมาแต่เด็ก
ล้วนทำให้ความอยากรู้มันอยู่ในความคิดเสมอมาว่า พม่าเป็นยังไง
และมีดีอะไร? อีกอย่างที่อยากจะทำคือ ตั้งใจไว้ว่าก่อนที่เค้าจะรวมกันเป็น
AEC ถ้ามีโอกาสก็อยากจะไปเยือนประเทศใน AEC เราให้หมด
น่าจะเป็นการเปิดหูเปิดตาตัวเองได้ดีทีเดียวครับ
เช้าวันนึงในเดือนที่
5 ของปี 2556 มารู้ตัวผมก็ยืนอยู่สนามบินดอนเมือง เตรียมไปพม่าแล้วครับ
คิดๆไปก็ตื่นเต้นไม่เบา ทริปนี้ผมเดินทางคนเดียวครับ
เดินทางสะดวกไปย่างกุ้งราคาเบาๆ
ผมเลือกใช้หางแดงครับ คนเยอะหน่อยในแถวเช็คอิน แต่ทำ Self
Check-in เองสะดวกรวดเร็วกว่าครับ
หลังเช็คอินแล้วผมมีของต้องโหลดอีกใบนึง
ก็มาแวะตรง Bag Drop ครับ แถวสั้นกว่าอีกหน่อย เสร็จแล้วก็พร้อมหล่ะเดินตัวปลิวเข้าไปข้างในกัน
เช้าๆแบบนี้คนยังไม่เยอะครับ
เลือกมุมสงบๆซักมุม หาอะไรทาน นั่งเล็งเครื่องบินรอเวลาแล้วค่อยไปเกต
มุมในร้านกาแฟร้านนึงที่นี่ เป็นมุมประจำผมทีเดียว แจ่มเลย!!
ตัดมาบนเครื่องเลยครับ
คนเดินทางเส้นทางนี้วันนี้ไม่เยอะครับ นั่งกันสบายๆ ผมนั่งคนเดียวสามเบาะเลย
แถมข้างๆก็ว่างอีกหลายแถวเลย นี่ช่วงนี้เค้าไม่ไปเที่ยวกันรึไงนะ
มองออกไปข้างๆเป็นพี่ใหญ่การบินไทย ลำนี้มารอเข้าศูนย์ซ่อมที่ดอนเมือง
ตลอดทางในเครื่องเค้านั่งกันเรียบร้อยดีแท้
รู้ว่าถ้าสั่งโค้กบนนี้มาแพงกว่าบนพื้น แต่การทานโค้กใส่น้ำแข็งนั่งมองวิวบนเครื่องนี่
มันฟินมากเลยนะสำหรับผม ว่าแล้วก็ขอซะหน่อย ไม่นานนางฟ้าเค้าก็เดินแจกใบตรวจคนเข้าเมืองของพม่า
กับในสำแดงของของศุลกากรพม่าครับ กรอกไปตามจริงไม่ยาก
ที่สำคัญมาเที่ยวไม่ได้ขนอะไรมา ไม่มีอะไรต้องสำแดงอยู่แล้ว
ภาพนอกหน้าต่าง
จากท้องฟ้าที่มีแต่เมฆเริ่มเปลี่ยนเป็น ทะเลและเป็นปากแม่น้ำที่มีตะกอนดินแดงขุ่น
และเข้าเขตปากน้ำ จากนั้นก็กลายเป็นผืนนาเกษตรกรรมกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
ช่วงนี้ผมหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพไว้หลายภาพ อย่างแรกก็คือภาพแบบนี้ไม่ค่อยเห็นเวลาบินในบ้านเรา
ถึงจะมีนาเหมือนกัน แต่ผืนนาบ้านเราก็จะไม่ต่อเนื่องใหญ่โตสุดลูกหูลูกตาแบบนี้
จะพอมีบ้าน ถนน วัดให้เห็น แต่นี่นั่งสังเกตุดีๆจะเห็นว่าแทบไม่มีบ้านหรือถนนเลย
มีก็หลังเล็กๆน้อยมาก อีกสิ่งที่เห็นคืนแม้ที่นากว้างใหญ่
แต่ดูดีๆจะเห็นครับว่าที่มันเป็นสีน้ำตาลนั้นเพราะเค้าไม่ได้ทำนา
ปล่อยให้แห้งแล้งพยายามกวาดตามองหาคลองหรือแม่น้ำก็ไม่เจอ
จนเครื่องบินบินลึกเข้ามาอีกหน่อย
เจอแม่น้ำใหญ่ซึ่งสังเกตุนะครับว่า ช่วงติดๆกับแม่น้ำจะมีสีเขียวเพราะติดน้ำ
น้ำในแม่น้ำก็ดูเยอะดี แต่ถ้ามองไปไกลๆก็จะแห้งแล้งทำนาไม่ได้แบบที่ผ่านมาเมื่อกี้อีกแล้ว
ผมเลยเข้าใจทันทีเลย อ๋อ..!! เค้าขาดระบบชลประทานครับ
แม้พม่ามีที่ทางกว้างใหญ่ ยังทำเกษตรกรรมได้อีกมาก แต่ในเมื่อไม่มีระบบชลประทานที่จะนำน้ำจากแม่น้ำใหญ่ที่ก็มีน้ำอยู่ไม่น้อยไปให้ถึงที่นาเสียแล้วก็ไร้ประโยชน์
เกษตรกรรมของพม่าก็จะเหมือนบ้านเราในอดีตนานมาแล้วคือ
เกษตรกรรมรอฟ้ารอฝน คือต้องคอยอาศัยฤดูฝนที่จะมีน้ำทำเพาะปลูก
หมดหน้าฝนก็ไม่มีน้ำอีก จะมาทำนาสองรอบ สามรอบแบบบ้านเราคงไม่ได้
ในหลวงท่านทรงเห็นความสำคัญเรื่องน้ำและชลประทานมานานนัก
ทรงพัฒนาไว้จนทั่วประเทศล่วงหน้ามายี่สิบ สามสิบปีแล้ว
ได้เห็นแบบนี้แล้วตอนนั้นถึงเข้าใจโดยถ่องแท้เลยทีเดียวว่า
ถ้าเมืองไทยไม่มีในหลวงพระองค์นี้ ที่ทรงมองกาลไกลมา ถือแผนที่ทรงงานไปทั่วประเทศ
ทรงเน้นเรื่องชลประทานนักว่าสำคัญ ไม่งั้นประเทศเราก็ยังคงทำนาแบบรอฟ้ารอฝนแบบนี้
และทิ้งที่รกร้างทำเกษตรไม่ได้เพราะไม่มีน้ำเป็นแน่
อีกภาพเป็นพื้นที่ส่วนใกล้เมืองของพม่าแล้วครับ ที่มองเห็นคลองส่งน้ำวิ่งเป็นสาย
แถวนี้ไม่มีแม่น้ำแต่จะเห็นว่าผืนนาแถวนี้เขียวและเพาะปลูกได้
แต่ไกลคลองส่งน้ำออกไปก็แล้งเหมือนเดิม
กำลังลงหล่ะครับ
มองดูแล้วย่างกุ้งวันนี้ มีทั้งโรงงานทั้งหมู่บ้านจัดสรรเลย
เจริญไม่เบา
เครื่องลงเรียบร้อย
ณ สนามบินมิงกาลาดง เมืองย่างกุ้ง ฝนพรำเล็กน้อยระหว่างรอลงแอบมองสนามบินที่ทำใหม่นี้ดูแล้วทันสมัยพร้อมรับนักท่องเที่ยวที่จะทยอยหลั้งไหลมาพม่าไม่ขาดสายแน่นับจากนี้
โถงในอาคารผู้โดยสารขาเข้าครับ
โอ่อ่าใช้ได้เลย ยอมรับว่าทำให้ล้างภาพจากที่คิดๆมาได้ไม่น้อย
พยายามจะถ่ายป้ายนี้ว่าที่ย่างกุ้งทำ
Visa on Arrival ได้ แต่ไปยืนอ่านแล้ว 22 ประเทศไม่มีไทยครับ
งั้นต้องทำที่สถานทูตก่อนมาต่อไป ดูเคาน์เตอร์ตรง Visa
on Arrival ก็ไม่ค่อยมีคนใช้เท่าไหร่ครับ
เดินต่อมาอีกหน่อยก็มาเข้าคิว
ตม. ของที่นี่ครับ แถวยาวทีเดียวมีช่องไม่มาก หลุดออกมาผมก็ตรงไปแลกเงินจ๊าดของที่นี่
โดยเอาดอลล่าที่แลกมาแบ่งแลกบางส่วน อีกส่วนเก็บไว้ใช้ได้ครับ
ที่พม่ายินดีจะรับเงินดอลล่ามากกว่าเงินจ๊าด แต่จะใช้จ่ายแต่ละทีก็ต้องคำนวนดูว่าจะจ่ายด้วยสกุลไหนจะคุ้มค่ามากกว่ากัน
ระหว่างยืนก็สอดส่ายสายตาไปด้วยว่าจะเข้าเมืองยังไง จริงๆถ้าไปเมืองอื่นประเทศอื่นมีรถไฟ
รถไฟฟ้าก็สะดวกดี แต่ที่ทราบๆที่นี่ไม่มีแน่ ถ้าต้องพึ่งรถเมล์กับ
Taxi เข้าเมือง สงสัยจากจุดนี้คงจะต้องใช้ Taxi
จริงๆผมทำการบ้านมานะ
ว่าจากสนามบินไปที่พักที่จองมาจาก agoda ห่างกันแค่ไหน
อยู่ตรงไหนของเมือง แต่ดูๆแล้วหารถประจำทางไปเองไม่สะดวกแน่
ส่วน Taxi ที่นี่ก็ได้ยินกิตติศัพท์เรื่องโก่งราคามาพอสมควร
ยังไงจะนั่งไปไหนก็ให้ต่อราคาเข้าไว้เยอะๆ เพราะมักจะบอกผ่านกันไม่น้อย
แต่ที่แน่ๆผมลิสราคาจากจุดต่างๆไปไหนราคาเท่าไหร่มาไว้แล้ว
หาข้อมูลมาจากเว็บนี่แหละ
ในระหว่างนั้นผมก็เดินสำรวจมุมต่างๆของสนามบินไปด้วยให้คุ้นเคย
เดินจากจุดผู้โดยสารขาเข้า ไปตรงผู้โดยสารขาออก ดูลาดเลาไว้ก่อน
สำรวจที่ทางเผื่อวันกลับเป็นยังไง ถ้ามารีบๆจะได้ไม่หลง
ก่อนจะก้าวเท้าออกจากที่ประตูทางออกออกมานอกสนามบิน อา...
ได้สูดอากาศ ณ ย่างกุ้ง กวาดตามองยังไม่ทันรอบ!!! ทันใดนั้น!!!!!
ก็มีเสียงถามว่า Taxi? และก่อนที่ผมจะได้หันไปดูหน้าคนถาม
และตอบว่า Yes!! มือๆหนึ่งก็มาคว้ากระเป๋าผมไปจากมือแล้วเดินลิ่วไปโน่นแล้ว
เห็นแต่ชายสโร่งไหวๆ "โดนแล้วไง" ตอนนั้นคิดเลย!!
ยังไม่ทันจะได้บอก
ได้ต่อรองราคาว่าจะไปไหน พี่แกก็คว้ากระเป๋าผม ฝ่าฝูงมหาชนชาว
Taxi ตรงนั้นเดินนำไปที่รถแก การเจรจามาเกิดที่รถครับ
ผมบอกชื่อโรงแรม กับดูๆแล้วแกสื่อสารได้ พูดจารู้เรื่อง
รถดูสภาพดีทุกอย่างน่าจะโอเคเลยตกลงไปกับแก ซึ่งจากจุดนี้ที่เลือกใช้พี่แก
ต้องบอกว่าผมโชคดีมากๆครับที่เจอพี่ Taxi คันนี้ ส่วนที่ว่าทำไมถึงโชคดีเดียวมาเล่าต่อตอนหน้าครับ
เริ่มสนุกตั้งแต่แรกถึงย่างกุ้งแล้วสิเนี่ย
ดูอัลบั้ม
>> https://www.facebook.com/
บทความต่อเนื่อง
>> 2013.09.29
- [รีวิว] ได้เวลาเปิดหูเปิดตา ลุยเดี่ยวเที่ยวพม่า "ย่างกุ้งในวันที่กำลังเปลี่ยนไป"
ตอนที่ 2
IP:
|