จากบทความตอนที่แล้ว
>> 2013.09.28
- [รีวิว] ได้เวลาเปิดหูเปิดตา ลุยเดี่ยวเที่ยวพม่า "ย่างกุ้งในวันที่กำลังเปลี่ยนไป"
ตอนที่ 1
เดินทางถึงย่างกุ้งแล้ว
ได้ Taxi ที่กำลังจะพาไปโรงแรมแล้ว ดูๆไปก็ไม่น่ามีอะไร
มาเดินทางเข้าเมืองด้วยกันครับ
ที่นี่ขับรถชิดขวาแบบอเมริกา
แต่รถที่ใช้ที่นี่เป็นรถพวงมาลัยขวาแบบบ้านเราที่เป็นแบบอังกฤษมันก็เลยขัดๆครับ
ลองนึกภาพสิครับปรกติเวลารถชิดขวาต้องขับด้านซ้ายเพราะมันจะต้องสัมพันธ์กับการแซง
การจอดชิดขอบทาง แต่ที่นี่พอรัฐบาลเค้าออกกฏแบบนี้ การขับ
การจอดมันเลยลำบากๆ ขัดๆชอบกล แต่เค้าก็คงอยู่กันจนชินแล้วหล่ะครับ
ป้ายโฆษณาที่มีป้าย
SCG จากบ้านเราหราสะดุดตาทีเดียว
เอาแผนที่ที่หยิบมาจากสนามบินมาดู
ระยะทางราวๆ 15 กิโลเมตรครับ ระหว่างทางเข้าเมืองไปโรงแรม
ผมน่าจะผ่านเจดีย์ชเวดากองด้วย อีกเดี๋ยวคงเห็นแต่ตามแผนที่วางมาจะยังไม่ไปวันนี้ครับ
สภาพรถเมล์ที่นี่
เห็นแล้วคงไม่น่าจะได้ขึ้นจริงๆ แถมสายรถเมล์เลขก็เป็นเลขภาษาพม่าครับ
อ่านสายที่จะขึ้นไม่ออกแน่ๆ
ตามสองข้างทางที่วิ่งผ่าน
พอเข้าเขตเมืองเรื่อยๆก็เริ่มมีตึกสูงที่กำลังเร่งก่อสร้างหลายแห่งให้เห็น
พม่ากำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ถ้ามาย่างกุ้งอีกครั้งอาจจะจำไม่ได้แล้ว
สภาพถนนหนทาง
สี่แยกในเขตเมืองที่มีป้ายโฆษณาแทบทุกมุม มีห้างเล็กๆตามจุดชุมชนต่างๆ
ปั้มน้ำมันที่นี่มีไม่เยอะนักครับ
แถมเห็นราคาน้ำมันแล้วแพงกว่าบ้านเรามาก ถามจากพี่คนขับ
Taxi ได้ความว่ารัฐบาลเป็นคนกำหนดราคาและเก็บภาษีทุกอย่าง
โดยเฉพาะน้ำมันที่พม่าแพงเพราะบวกภาษีที่สูงมาก
ตามมุมถนนต่างๆยังมีต้นไม้ใหญ่ๆให้เห็น แต่ละต้นใหญ่ๆที่เจอนี่ก็จะใหญ่แบบอายุยี่สิบ
สามสิบปีไปเลย ที่นี่ต้นไม้เยอะครับยอมรับ
และแล้วก็ได้เห็นมหาเจดีย์ชเวดากองจากมุมถนนที่วิ่งผ่านครับ
แรกเห็นที่โผล่ขึ้นมาขนลุกเลย ขนาดมองจากไกลๆยังเหลืองอร่ามมากๆ
ยกมือไหว้เจดีย์จากระยะไกลไปก่อน เดี๋ยวได้ไปกราบ
*ปัญหาเรื่องการจองโรงแรม
โดยความเป็นจริงอย่างที่เขียนมาก่อนหน้านี้ว่าผมได้จองโรงแรมเรียบร้อย
ผ่าน Agoda ซึ่งที่ผ่านมาเดินทางไปไหนมาหลายที่ก็ไม่เคยเจอปัญหา
แต่มาเจอที่นี่จนได้ จริงๆผมจองโรงแรมแห่งนึงซึ่งอยู่ในเขตเมืองมาครับ
วางแผนไว้แล้วว่าจะสามารถเดินทางไปจุดต่างๆได้สะดวก แต่เมื่อไปถึงพอจะเช็คอินทางโรงแรมบอกว่าปิดปรับปรุง!!!
โดยขอให้ผมย้ายไปพักอีกแห่งนึง ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือเค้าเอง
เท่าที่ผมดูจากแผนที่ โรงแรมใหม่นี้อยู่ห่างจากเขตเมืองออกไปรอบนอก
และจริงๆผมก็ไม่ค่อยพอใจที่เจอเรื่องแบบนี้ แต่ที่ไม่โกรธและยอมย้ายเพราะอะไรหรือครับ
เพราะจากสภาพโรงแรมที่ผมจองมานั้น
ภาพที่ดูมาจากในเว็บกับสภาพจริงขนาดเห็นแค่ล๊อบบี้นี่ไม่เหมือนกันเลย
ไม่อยากนึกถึงสภาพห้อง ถ้าพักที่นั่นจริงต้องแย่แน่ๆ (อันนี้แบบที่เราๆท่านๆต้องลุ้นกันประจำเวลาจองผ่านเว็บแล้วภาพสวพๆ
เพราะภาพที่ใส่เว็บให้จอง โรงแรมก็เอาแต่ภาพสวยๆสมัยยังใหม่ๆใส่ไว้)
นอกจากเรื่องสภาพโรงแรมแล้ว โรงแรมที่เค้าเสนอให้นั้นผมจำชื่อได้เพราะตอนจองก็กดๆเห็นผ่านๆตาอยู่
แต่จองไม่ทันและจำได้ว่าราคาสูงกว่าที่จองมาครับ เมื่อมีข้อเสนอมาแบบนี้ย้ายไปอีกที่ก็ดีเหมือนกัน
มาถึงเช็คอินเข้าห้องพัก
เปิดเข้าไปพบว่าห้องพักกว้างขวางมาก นี่ยิ่งมาคนเดียวสบายๆครับ
ผมวางของซะเตียงนึงเลย แอร์เย็น มีทีวีดูรวมถึงทีวีไทยครบทุกช่องครับ
ห้องน้ำกว้างขวาง สะอาดสะอ้าน มีอ่างอาบน้ำด้วย มี wifi
free ให้ใช้ และอาหารเช้า โอเคเลยแบบนี้รับได้กับการย้ายมา
ลอง
test speed wifi ที่โรงแรม ได้อยู่ที่ 400kbps ทั้ง DL/UL
ความเร็วระดับนี้ถือว่าใช้ได้แล้วมีเน็ตให้ใช้ ที่พม่าความเร็วเน็ตยังไม่ค่อยเสถียรหรือมีความเร็วสูงแบบบ้านเราครับ
หลายๆครั้งที่การใช้งานมีติดๆขัดๆ แต่มีให้ใช้ก็ดีกว่าไม่มีจริงไหมครับ
ผมมองออกไปที่ระเบียงทางในเมือง เมฆฝนมาแต่ไกล บ่ายนี้ตั้งใจจะไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพม่า
ที่ย่างกุ้ง เอนหลังพักกำลังสบายๆเลยรีบออกไปซะก่อนที่ฝนจะมาครับ
จากโรงแรมผมเรียก
Taxi มาในราคา 2000 จ๊าด (ราคามาตรฐานของที่นี่ครับ 2000-3000
จ๊าด ราว 60-90 บาท จะไปไหนมาไหนผมพบว่าต่อแล้วเหลือที่ราคาประมาณนี้แหละ
รับได้ทั้งสองฝ่าย)
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพม่า
เป็นที่แห่งหนึ่งที่ผมตั้งใจอยากมามาก อาจเป็นเพราะอย่างแรกคือเวลาผมไปที่ไหนผมชอบแวะไปพิพิธภัณฑ์ของประเทศนั้นๆครับ
เหมือนที่ที่ให้เราสามารถได้ไปเรียนรู้เรื่องราวของบ้านเมืองเค้า
แถมสำหรับที่นี่อย่างที่เราทราบว่า พม่ากับไทยนั้น ก็รบพุ่งกันมาช้านานทรัพย์สินหลายๆอย่าง
หรือสมบัติ ศิลปะของสองประเทศเรามีความเกี่ยวพันธ์กันอยู่มากจึงอยากมาศึกษา
โชคดีที่ผมมาคนเดียวเพราะถ้ามีคนมาด้วยเค้าอาจจะเบื่อถ้าไม่ชอบแบบเดียวกัน
ผมอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งนี้ตลอดบ่าย จนเค้าปิด
เดินดูแทบทุกชั้น บางห้องเดินวนกลับไปดูถึงสองรอบ เสียดายที่เค้าห้ามเราถ่ายภาพ
สิ่งที่เห็นจึงถือว่าเก็บไว้ในความทรงจำล้วนๆ
ด้านในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพม่า
ย่างกุ้งนั้น บอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่เริ่มก่อตั้งประเทศ
รากเหง้า ประวัติศาสตร์ ภาษา ศิลปะวัฒนธรรมเท่าที่เหลืออยู่
โดยแบ่งการแสดงออกเป็นห้องๆ ตามเรื่องราวและยุคสมัย ต้องบอกก่อนว่าการจัดวาง
อาจไม่ได้น่าสนใจหรือสวยหรูนัก ออกแนวจัดวางแบบง่ายๆ อีกส่วนก็อย่างที่เราทราบกันว่าแม้พม่าจะเคยเป็นประเทศมั่งคั่งแต่ทรัพย์สมบัติของชาติก็โดยอังกฤษเอาไปซะมาก
ของที่เหลือขนาดว่าเหลือจากที่อังกฤษไม่ได้เอาไปแล้ว หลายสิ่งเห็นก็ยังอดตะลึงไม่ได้
อย่างพวกเครื่องทองที่ใช้ในราชสำนักครับ นี่ถ้าไปย่างกุ้งอีกผมก็จะไปเดินที่นี่อีก
เอาให้จุใจ
(ก่อนจะไปพม่า
เพื่อให้การไปเที่ยวและต่อติดเรื่องราวประวัติศาสตร์สองประเทศได้ต่อเนื่องกัน
ผมถึงกับไปทบทวนเรื่องราวของประวัติศาสตร์เราที่เกี่ยวข้องกับพม่า
ทั้งจากหนังสือที่มีและไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครของเราถึงสองครั้งครับ
จะได้อินสุดๆ ไว้จะเขียนเล่าด้วยในโอกาสต่อไป)
ออกมาจากพิพิธภัณฑ์เพราะเค้าปิดแล้ว
ดูจากแผนที่ผมสามารถเดินไปตลาดและเขตกลางเมืองย่างกุ้งได้
ดูระยะแล้วกำลังพอเหนื่อย ก็ตั้งใจจะเดินไปเรื่อยๆ ดูบ้านดูเมือง
ดูวิถีชีวิตที่นั่นไปด้วยครับ สภาพบ้านเมืองเป็นอย่างที่เห็น
เดินไปเริ่มหิว ผ่านห้างๆนึงเลยแวะซะหน่อยหาอะไรทาน
เรื่องของทานก็เป็นอีกเรื่องที่ห่วง
แต่เอาเข้าจริงๆสบายมากครับ ที่นี่เราๆเลือกทานได้คุ้นเคยหลายอย่าง
ถ้าไม่ได้ลองของพื้นบ้านแล้ว พวกพื้นๆอย่างกาแฟ โดนัท
ลูกชิ้น ไก่ทอด น้ำปั่นมีให้เลือกทาน หาไม่ยาก ราคาไม่แพงครับ
อร่อยด้วย
แม้พม่ายังไม่มีระบบรถไฟที่เจริญ
อย่างระบบขนส่งมวลชนสมัยใหม่ แต่จริงๆพื้นฐานระบบขนส่งทางรางของพม่านั้นได้พื้นฐานการวางระบบที่ดีมาก
จากการเป็นอาณานิคมอังกฤษ ในเมืองหลวงย่างกุ้งมีเครือข่ายรางรถไฟวางไว้อย่างดี
อาทิ วางระบบเป็นระบบรางคู่ และผมสังเกตุว่าระบบรางรถไฟในเขตเมืองนั้น
ได้ถูกสร้างแบบ "คลองรถไฟ" ไว้หมดแล้ว คือไม่มีจุดตัดกับถนนครับ
ซึ่งระบบคลองรถไฟแบบนี้เราจะพบเห็นในประเทศแถบยุโรป ขนาดบ้านเรายังวางระดับดินเลยครับ
ไม่ได้วางระบบคลองรถไฟให้คล่องตัวแบบนี้ แต่รถไฟพม่าก็ถูกหยุดการพัฒนาหลังจากปิดประเทศ
สภาพเลยเป็นแบบทุกวันนี้ที่ รถ สถานี สภาพราง บอกเลยว่าดูแล้วแย่กว่ารถไฟบ้านเราครับ
ผมเดินเข้าย่านตลาดความจอแจและความเจริญก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น
อาคารพาณิชย์ที่สร้างใหม่ๆและเก่าๆปนกันไป ด้านล่างเป็นร้านค้า
บริษัท ธนาคาร ด้านบนเป็นที่พัก อาคารที่พักแบบคอนโดใหม่ๆสวยๆ
ท่าทางจะเป็นที่พักของคนมีฐานะที่นี่ก็มีให้เห็นในย่านเมืองนี้ครับ
ตลาด
ของกินริมถนน ร้านค้าและวิถียามเย็นของที่นี่ ที่คนเลิกงานและมาเดินจับจ่ายของ
หาอาหารกลับบ้าน หรือมารอขึ้นรถกลับบ้านใกล้เคียงกับต่างจังหวัดบางจังหวัดบ้านเราครับ
ที่แปลกหน่อยก็ตามหัวมุมมีแผงขายหมาก (แบบที่คุณยายบ้านเราทานเนี่ยแหละ)
กระจายอยู่ทั่วไป คนที่นี่ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ การทานหมากเป็นเรื่องปรกติ
คนปรุงนั้นก็มีทั้งชายและหญิง ร้านไหนคนปรุงเป็นสาวๆผมแอบเห็นว่าหนุ่มๆก็มุงกันเยอะทีเดียว
ร้านนี้คนปรุงหมากเป็นผู้ชายครับ ลูกค้าเลยน้อยไปนิด อยากจะอุดหนุนนะครับ
แต่ดูๆแล้วไม่ดีกว่า
ความไม่พร้อมอีกเรื่องของพม่า
คือเรื่องไฟฟ้าครับ ที่นี่กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
ทำให้ไฟฟ้าไม่ค่อยพอกับความต้องการและดับบ่อยๆ ตึก ห้างร้าน
หรือบ้านพักอาศัยมักจะมีเครื่องปั่นไฟเตรียมไว้หากไฟดับก็จะใช้ไฟจากเครื่องปั่นไฟ
เดินไปตามถนนหนทางจึงมีเครื่องปั่นไฟทั้งขนาดเล็ก ใหญ่
ตั้งให้เห็นครับ อีกรูปผมถ่ายภาพจานดาวเทียม Ku-Band ที่ใช้รับทีวีที่นี่
ยอดนิยมสีฟ้าๆนั่น ไม่ใช่ CTH แบบบ้านเรานะครับ เป็น SkyNet
ท่าทางจะเป็นรายใหญ่ มีเยอะแบบจานแดงบ้านเราเลยทีเดียว
ตลาดสิงคโปร์
ด้านในมีของอุปโภคบรโภคมากมายหลายอย่างครับ ด้านล่างรอบๆเป็นตลาดผลไม้
สดๆจากสวน
จากมุมนี้มองไปเห็นเจดีย์สุเล
(Sule Pagoda ) ที่มีมาแต่เก่าก่อน ต่อมาในยุคที่อังกฤษเข้ามาวางผังเมือง
ก็ให้ถือเป็นศูนย์กลางเมืองย่างกุ้ง ปัจจุบันมีลักษณะเป็นวงเวียนและเป็นจุดศูนย์กลางที่สำคัญ
อารมณ์ประมาณย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิบ้านเราครับ จากมุมนี้มองเห็นเลยถึงภาพที่ของเก่า
และของใหม่ของที่นี่ถูกผสมผสานกลมกลืนเป็นวิถีชีวิตของย่างกุ้ง
ใกล้ๆกับเจดีย์สุเล
คือศาลาว่าการเมืองย่างกุ้งครับ ด้านหน้ามีสวนใหญ่และตึกย่านธุรกิจรายรอบ
อีกด้านเป็นแม่น้ำย่างกุ้ง หลังจากเดินทางมาไกลและเดินชมเมืองมาจนเย็น
เลยถือโอกาสนั่งพักชมวิวอยู่ตรงนี้ อดคิดไม่ได้ว่าในอดีตจากเมืองไทย
มาพม่า ถ้าเป็นสมัยก่อนการเดินทัพด้วยเท้าต้องเดินกันเป็นเดือนๆ
แต่ตอนนี้เราสามารถไปมาได้สะดวกเหมือนแค่ไปต่างจังหวัด
ย่างกุ้งมีหลายอย่างให้เห็นให้เรียนรู้ และศึกษา เสน่ห์ของพม่าคือเมืองที่เหมือนโดนหยุดเวลาไว้ระยะนึง
จนความเจริญสมัยใหม่ไม่ได้หลุดเข้ามากลืนกินวิถีเดิมๆของที่นี่
จนปัจจุบันที่หลายสิ่งหลายอย่างต่างกำลังทะลักเข้ามาแบบไม่ขาดสาย
ถือว่าเป็นเมืองที่น่ามาเยือนครับ
รีวิวต่อๆไปจะพาไปดูแง่มุมต่างๆและสถานที่ที่น่าสนใจของย่างกุ้งครับ
ดูอัลบั้ม
>> https://www.facebook.com/
บทความต่อเนื่อง
>> 2013.10.22
- [รีวิว] ได้เวลาเปิดหูเปิดตา ลุยเดี่ยวเที่ยวพม่า "ย่างกุ้งในวันที่กำลังเปลี่ยนไป"
ตอนที่ 3
IP:
|