| จากบทความตอนที่แล้ว 
                          >>  2013.09.28 
                          - [รีวิว] ได้เวลาเปิดหูเปิดตา ลุยเดี่ยวเที่ยวพม่า "ย่างกุ้งในวันที่กำลังเปลี่ยนไป" 
                          ตอนที่ 1 
                         และ 
                          >> 2013.09.29 
                          - [รีวิว] ได้เวลาเปิดหูเปิดตา ลุยเดี่ยวเที่ยวพม่า "ย่างกุ้งในวันที่กำลังเปลี่ยนไป" 
                          ตอนที่ 2 
                         จากรีวิวตอนที่แล้วตั้งแต่มาถึง 
                          เข้าที่พัก เที่ยวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพม่า และเดินตลาดกันแล้ว 
                          มุมมองสำหรับเมืองใหญ่ที่สุดของพม่า และอดีตเมืองหลวงแห่งนี้ 
                          อย่างที่เราทราบๆกัน ว่าแม้จะเจริญที่สุดในพม่าแล้ว แต่ถ้าจะเทียบกับอีกหลายๆเมืองในอาเซี่ยน 
                          ความที่มันไม่ทันสมัยหรือเจริญจนเกินไปนี่แหละคือเสน่ห์ของที่นี่ 
                          รีวิวนี้ลองสำรวจแง่มุมต่างๆของที่นี่ที่ผมเห็นดูครับ 
                           
                          
 จากมุมหน้าศาลาว่าการเมืองย่างกุ้งที่เป็นสวนใหญ่ 
                          รวมถึงมีเจดีย์สุเลอยู่ใกล้ๆกัน ตรงจุดนี้เรียกว่าเป็นจุดศูนย์กลางเมืองย่างกุ้งก็ว่าได้ 
                          รอบๆสวนใหญ่แห่งนี้เริ่มรายล้อมด้วยตึกสำนักงาน ที่ก่อสร้างในแนวสูงและดูทันสมัย 
                          อีกไม่นานย่างกุ้งเองก็คงหนีความเจริญไปไม่พ้น 
                          
 เจดีย์สุเลและศาลาว่าการเมืองย่างกุ้งที่อยู่ใกล้ๆกันครับ 
                                จากสวนสาธารณะใหญ่หน้าศาลาว่าการเมืองย่างกุ้ง 
                          ที่รอบๆมีอาคารสำนักงานสูงให้เห็นโดยรอบ รวมถึงย่านการค้าต่างๆ 
                          ที่เริ่มมีอาคารที่พักสมัยใหม่ ในรูปแบบแปลกตากว่าของเดิมๆให้เห็นทั่วไป 
                         ริมน้ำแม่น้ำย่างกุ้ง 
                          สายเลือดใหญ่ของย่างกุ้ง 
                         เช้าอีกวันที่ย่างกุ้ง 
                          ผมพาตัวเองไปริมแม่น้ำย่างกุ้งแต่เช้าตรู่ ย่างกุ้งมีแม่น้ำใหญ่แบบเจ้าพระยาบ้านเรา 
                          แต่เท่าที่ดูด้วยตาแม่น้ำย่างกุ้งที่นี่ใหญ่กว่าเจ้าพระยาบ้านเรามาก 
                          น้ำสีแดงขุ่น แม่น้ำนี้ไหลไปออกแม่น้ำอิระวดีที่สิเรียมก่อนออกทะเล 
                          เช่นเดียวกับเมืองเก่าๆที่มีแม่น้ำใหญ่ๆผ่าน วิถีชีวิตต่างๆของคนเมืองริมแม่น้ำ 
                          ก็จะหาดูได้แถวๆริมน้ำครับ เลยตั้งใจมา 
                          
   
 ถนนหนทางเส้นเลียบแม่น้ำย่างกุ้ง 
                          และวิถีชีวิตยามเช้าๆ  
                          
 ยามเช้าที่ท่าเรือริมแม่น้ำย่างกุ้ง 
                          
   
 มีเรือใหญ่ๆจอดทอดสมออยู่ในแม่น้ำหลายลำอยู่ครับ 
                          เรือพวกนี้คงวิ่งเข้าออกทะเลแบบคลองเตยบ้านเรา แม่น้ำทั้งกว้างทั้งขุ่น 
                          มีดินแดงๆในน้ำแบบเห็นด้วยตาเปล่าเลยครับ  
                          
 เรือข้ามฝาก 
                          หรือจะเรือที่วิ่งรับส่งชาวย่างกุ้งที่อาศัยอยู่อีกฝั่งหรืออีกที่นึง 
                          มาส่งที่ท่าเรือนี้ จะเห็นว่าที่นี่เค้าไม่ได้วางเครื่องเรือแบบเรือหางยาวภูมิปัญญาชาวบ้านบ้านเราครับ 
                          บ้านเราเค้าจะวางเครื่องเรือในเรือแล้วใบพัดออกใต้ท้องครับ 
                          คนขับเรือจะนั่งขับแล้วโยกหางเสือเอา 
                          
 ชีวิตยามเช้าเริ่มที่นี่ 
                          เรือแต่ละลำจะขนคนมาที่ท่านี้ แต่ละคนลงจากเรือก็จะรีบเดินไปทางในเมือง 
                          บ้างคงรีบจะไปทำงาน บ้างคงจะไปตลาดใกล้ๆ เดินตามเค้าไปกัน 
                          สิ่งที่เห็นคนย่างกุ้งถือจนชินตาคือปิ่นโตกับร่มครับ ปิ่นโตที่นิยมจะเป็นแบบสามชั้น 
                          ถือกันทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ทั้งชาย ทั้งหญิง 
                          
 ตรงท่าเรือที่ผมมา 
                          เดินมาอีกนิดก็จะเป็นตลาดและวัดชื่อดังที่คนไทยนิยมมากันมาก 
                          ใช่แล้วครับ วัดโบตะทาวน์หรือวัดที่มี นัตโบโบยี หรือเทพทันใจที่คนพม่าและคนไทยนิยมมากราบไหว้ขอพรครับ 
                          
 เนื่องจากตลาดตรงนี้เป็นตลาดหน้าวัด 
                          ที่มีคนนิยมมากราบไหว้วันนึงมีคนมาวัดนี้เป็นจำนวนมากไม่ขาดสาย 
                          ร้านค้าขายของกราบไหว้มีหลายร้านที่เดียว 
                         วัดโบตะทาวน์ 
                          ที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุพระพุทธเจ้า พระพุทธรูปทองคำ และเทพทันใจ 
                         วัดโบตะทาวน์ 
                          เป็นวัดสำคัญอันดับต้นๆของย่างกุ้งมาช้านาน ประวัติวัดนี้เกี่ยวข้องกับการสร้างมหาเจดีย์ชเวดากองด้วย 
                          โดยเมื่อมีการอัญเชิญพระเกศาธาตุมาที่ย่างกุ้งและขึ้นฝั่งตรงท่าเรือที่นี่ 
                          (คือท่าเรือที่เพิ่งไปมาเมื่อครู่) ณ จุดที่ตั้งวัดมีการตั้งพิธีต้อนรับ 
                          โดยมีทหารถึง 1,000 นายด้วยกัน ซึ่งทหาร 1,000 นายนี่เองที่ตรงกับภาษาพม่าว่า 
                          "โบตะทาวน์" จึงเป็นชื่อวัดแต่นั้นมา  
                          
  
 พระเกศาธาตุที่อัญเชิญมาจากอินเดียนั้น 
                          ยังได้แบ่งประดิษฐานไว้ ณ วัดนี้ด้วย โดยมีการสร้างมณฑปไว้ 
                          ให้พุทธศาสนิกชนและผู้ศรัทธาเข้าไปกราบไหว้ได้  
                          
  
 ในมณฑปมีการเดินแคบๆพอเข้าไปตรงกลางมณฑปที่พระเกศาธาตุประดิษฐานในครอปแก้วที่ใกล้ขนาดมองเห็นครอปแก้วได้ 
                          
 ทางเดินแคบๆในมณฑปสามารถเดินได้รอบครับ 
                          บางมุมก็จะมีทั้งพระและผู้ศรัทธานั่งสวดมนตร์ ทำสมาธิกัน 
                          
  
 จากมณฑปที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุ 
                          เดินออกมาที่ลานวัด จะเจอพระเจดีย์โบตะทาวน์ ซึ่งเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ 
                          ณ จุดนี้ชาวพม่าก็กราบไหว้กันอยู่ไม่น้อยครับ 
                            
 มีภิกษุณีน้อยกำลังสรงน้ำพระตรงรอบๆเจดีย์อยู่ 
                          ผมเลยตามเข้าไปสรงบ้าง ที่นี่ถ้าจะสรงน้ำพระให้สรงน้ำด้วยจำนวนอายุ 
                          บวกหนึ่งครับ ตักกันอายคนรอคิวเลยทีเดียว 
                          
 เดินข้ามไปวิหารอีกฝั่งเป็นอีกจุดที่แนะนำว่าถ้ามาวัดนี้ต้องแวะมาครับ 
                          วิหารอีกฝั่งนี้ประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำปางมารวิชัยที่งดงามมาก 
                           
                          
  
                          พระพุทธรูปองค์นี้เดิมเคยประดิษฐานอยู่ในพระราชวังมัณฑะเลย์ 
                          พระราชวังไม้สักที่เค้าว่างดงามและยิ่งใหญ่ที่สุดในอุษาคเนย์ 
                          และตามที่เราทราบกันพระราชวังแห่งนี้ถูกเผาทำลายหมดสิ้นด้วยระเบิดในช่วงสงครามทำให้คนรุ่นหลังได้แต่จินตนาการถึงความงดงามและศิลปะ 
                          สมบัติมากมาย แต่ก่อนนั้นในช่วงที่อังกฤษเข้ามาปกครองพม่า 
                          สมบัติบางส่วนได้ถูกนำออกจากพระราชวังไปก่อนแล้ว รวมถึงพระพุทธรูปองค์นี้ 
                          โดยไปตั้งแสดงอยู่ ณ พิพิธภัณฑ์วิตอเรีย 66 ปี ก่อนภายหลังชาวพม่าได้อัญเชิญกลับมายังพม่า 
                          พระพุทธรูปองค์นี้งดงามมากจริงๆครับ 
                          หลังกราบแล้วผมนั่งมองอยู่ตรงนี้นานทีเดียวกว่าจะลุกออกไปเดินในวัดต่อ 
                          
  
 ส่วนด้านหลังวัดฝั่งท่าน้ำ 
                          มีศาลากลางน้ำที่มีรูปปั้นของ "นัต" ตนหนึ่งคือ 
                          นัตโบโบยี หรือเทพทันใจนั่นเองครับ 
                          
  
 ที่ทั้งคนไทยและคนพม่าเชื่อว่าถ้ามาบูชากราบไหว้และอธิษฐานขออะไรแล้วหล่ะก็ 
                          จะสมปรารถนาด้วยความรวดเร็ว คนเยอะทีเดียวครับตรงศาลานี้ 
                          ตรงศาลานี้จะมีสารพัดคนขายของเลยครับ 
                          พูดไทยได้ด้วย เค้าจะพยายามยัดของบูชาให้ เท่าที่ผมดูผมว่าถ้าไม่อยากซื้อ 
                          เราบอกเลยจะครับว่าไม่เอา เพราะไม่งั้นเค้าจะจัดให้เลยทั้ง 
                          พวงมาลัย มะพร้าว ผ้าคล้อง แล้วเรียกเงินที่หลัง หลายจ๊าดอยู่ครับ 
                          อย่าเอาเลย ผมเห็นคนไทยหลายคนที่มา ก็เดินเข้าไปไหว้และอธิษฐานเลย 
                          อาจมีแบงค์ทำบุญจับใส่มือรูปเทพทันใจสองใบ ไหว้แล้วอธิษฐานก่อนดึงกลับไปบูชาหนึ่งใบ 
                          ทิ้งไว้ที่มือนัตท่านหนึ่งใบ แป้บนึงพวกคนขายของ (สงสัยจะเป็นลูกศิษย์นัต) 
                          มาดึงเอาไป  
                            
 ออกมาด้านนอกวัด 
                          แม้ภาพชินตาคือผู้ชายที่นี่จะนุ่งโสร่ง แต่ภาพที่เจ้าหนูคนนี้กำลังสะบัดโสร่งกลางที่สาธารณะนี่ 
                          ไม่ชินตาจริงๆ คงร้อนสินะเจ้าหนู 
                          
 จากวัดโบตะทาวน์ 
                          ในระหว่างทางที่จะไปวัดอื่นต่อ พี่ Taxi ขาประจำที่ผมผูกมิตรไว้ 
                          พาผมแวะมาที่ที่นึง ที่เค้าภูมิใจนำเสนอมาก ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกครับว่าเค้าจะพาไปไหน 
                          จนรถมาจอดมาแวะที่ริมทะเลสาบแห่งนึง 
                          
  
 ลงจากรถเดินดูรอบๆ 
                          จากจุดนี้มองผ่านทะเลสาบไป เห็นยอดเจดีย์ชเวดากองอยู่ไม่ไกล 
                          
  
 แล้วเค้าก็ชี้ให้ดูบ้านหลังนึงริมทะเลสาบ 
                          ที่เป็นจุดหมายที่เค้าพามา ใช่แล้วครับ.. บ้านอองซาน ซูจี 
                          หลังจากนี้ผมลองให้เค้าเล่าเรื่องอองซาน ซูจี ที่จริงๆหลายเรื่องเราก็รู้แล้ว 
                          แต่ผมเลือกนั่งฟังเงียบๆให้เค้าเล่าให้เต็มที่ ดูท่าทางคนที่นี่จะรักเธอมากทีเดียวครับ 
                          
 พอเห็นผมซักถามและทำท่าจะสนใจ 
                          หลังจากพาดูด้านหลังบ้านแล้ว พี่เค้าก็พามาดูหน้าบ้านด้วย 
                          มุมนี้ที่เราคุ้นเคยเวลาเห็นจากข่าว ที่ซูจีจะขึ้นมาพูดกับคนนอกบ้านผ่านรั้วนี้ในช่วงที่เธอโดนคุมบริเวณแค่ในบ้าน 
                          ตรงจุดนี้เหมือนกลายเป็นจุดท่องเที่ยวไปเลยที่ใครมาอาจต้องลงไปถ่ายรูปกับหน้าบ้าง 
                          ซูจี ผมก็ด้วย.. :) 
                         ย่างกุ้งยังไม่จบ 
                          ตอนหน้าจะพาไปวัดพระเขี้ยวแก้ว โรงช้างเผือก และแน่นอนมหาเจดีย์ชเวดากองครับ 
                           ดูอัลบั้ม 
                          >>  บทความต่อเนื่อง >> 2013.10.23 
                          - [รีวิว] ได้เวลาเปิดหูเปิดตา ลุยเดี่ยวเที่ยวพม่า "ย่างกุ้งในวันที่กำลังเปลี่ยนไป" 
                          ตอนที่ 4 
                          
                           
                          
                          IP:
 |