2013.10.23 - [รีวิว] ได้เวลาเปิดหูเปิดตา ลุยเดี่ยวเที่ยวพม่า "ย่างกุ้งในวันที่กำลังเปลี่ยนไป" ตอนที่ 4

 

จากบทความก่อนหน้านี้ ตอนที่ 1 >> 2013.09.28 - [รีวิว] ได้เวลาเปิดหูเปิดตา ลุยเดี่ยวเที่ยวพม่า "ย่างกุ้งในวันที่กำลังเปลี่ยนไป" ตอนที่ 1

ตอนที่ 2 >> 2013.09.29 - [รีวิว] ได้เวลาเปิดหูเปิดตา ลุยเดี่ยวเที่ยวพม่า "ย่างกุ้งในวันที่กำลังเปลี่ยนไป" ตอนที่ 2

และตอนที่ 3 >> 2013.10.22 - [รีวิว] ได้เวลาเปิดหูเปิดตา ลุยเดี่ยวเที่ยวพม่า "ย่างกุ้งในวันที่กำลังเปลี่ยนไป" ตอนที่ 3

บนเส้นทางการเดินทางด้วยรถยนต์ในนครย่างกุ้งวันนี้นั้น เห็นชัดๆว่าจำนวนรถยนต์มากขึ้นกว่าจำนวนถนนมาก ส่วนหนึ่งที่เห็นว่ามีเยอะคือ แท็กซี่ที่สามารถหาได้ไม่ยาก การโดยสารแท็กซี่ที่นี่ต้องอาศัยการต่อรองราคาล้วนๆครับ ถ้าพอรู้มาบ้างว่าจากจุดไหนไปไหน ราคาราวๆเท่าไหร่ก็จะง่ายขึ้นครับ ราคาที่ผมเรียกไปไหนมาไหนแล้วตกลงคือที่ 2000 - 3000 จ๊าด

ไปไหนมาไหนในย่างกุ้ง ผมว่าเรียกแท็กซี่สะดวกดีครับราคาไม่แพง ยิ่งถ้ามา 3 - 4 คนนี่ยิ่งคุ้มกว่ามาคนเดียว

ย่างกุ้งในสายฝน ที่นี่ช่วงหน้าฝนอากาศค่อนข้างแปรปรวนนะครับ แดดเปรี้ยงๆเดี๋ยวเดียวฝนก็เทลงมาได้ คนที่นี่ถึงถือร่มติดมือกันตลอด

ในส่วนแท็กซี่เองเดิมนั้นป้ายทะเบียนจะเป็นภาษาพม่าครับ เราๆนักท่องเที่ยวไปจะจดจำยากเผื่อเกิดเหตุต่างๆนานา ตอนนี้หลังเปิดประเทศและนักท่องเที่ยวเริ่มหลั่งไหลมา รถแท็กซี่รุ่นหลังๆป้ายทะเบียนจะเป็นอักษรภาษาอังกฤษแล้ว

รถราเริ่มเยอะ ถนนไม่พอให้รถวิ่ง แถมสภาพถนนทั่วไปในเมืองย่างกุ้งยังถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานมาก เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการจราจร รถติดเริ่มเป็นปัญหาที่ที่นี่ต้องเผชิญ

ส่วนสภาพการซ่อมและสร้างถนนเพิ่มก็พอมีให้เห็น ยิ่งปลายปีพม่าจะเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ด้วย ภาพนี้เป็นย่านใกล้ๆสนามกีฬาจึงมีการขยายถนนกันยกใหญ่ แต่เท่าที่ดูการก่อสร้างทำกันแบบง่ายๆครับ

ป้ายโปรโมทซีเกมส์ปลายปีนี้ที่พม่า เริ่มมีให้เห็นตามจุดต่างๆ คุยกับคนที่นี่เค้าก็คาดหวังว่าจะมีคนมาเที่ยวพม่ามากขึ้นทั้งก่อนและหลังการแข่งขัน

ย่านตลาดการค้าจะมีทั้งตึกหนาแน่นและรถราติดขัด / ตามมุมถนนที่นี่ผมเดินผ่าน จะมีโถน้ำให้ผู้ผ่านไปมาที่กระหายน้ำตักทานได้ คล้ายๆต่างจังหวัดบ้านเรา

หลังเนินนั่นเป็นทะเลสาบครับ รอบๆนั้นตกแต่งเป็นสวน ยามเย็นๆเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจและนั่งเล่น

ปางช้างเผือกหลวง (Royal White Elephant Garden)

แต่โบราณนานมาทั้งไทยและพม่าถือคติเหมือนกันเรื่องช้างเผือก ที่ถือเป็นสัตว์มงคลและแสดงถึงบุญบารมีของเจ้าผู้ครองนครนั้นๆ ในบางช่วงของประวัติศาสตร์ ไทย-พม่า ก็มีชนวนเหตุแห่งการรบราฆ่าฟันกันเพราะช้างเผือก สำหรับไทยนั้นช้างเผือกถือเป็นของพระมหากษัตริย์ จะมีการดูแลอยู่ในเขตพระราชฐาน ณ โรงช้างหลวง แต่สำหรับพม่าที่ไม่มีสถาบันกษัตริย์ซะแล้วนั้น ช้างเผือกที่เคยเป็นของคู่บารมีพระเจ้าแผ่นดิน แม้จะยังมีและถูกดูแลไว้ แต่สถานะวันนี้แตกต่างไป เหมือนกึ่งๆเป็นของแสดงแบบสิ่งหาดูยากไป ไม่ได้มีสถานะสำคัญแบบของคู่บารมีแบบเดิม

ผมเองนั้นจำไม่ได้ว่าเคยเห็นช้างเผือกตัวจริงไหมในบ้านเรา อาจเคยเห็นจากภาพถ่าย การที่รู้ว่าพม่าที่อุดมด้วยป่าเขา และมีช้างเผือกมากมายตามประวัติศาสตร์ และมีให้เข้าชมได้ที่ย่างกุ้ง จึงเป็นอีกที่ที่ผมสนใจไปชมครับ การเดินทางมาปางช้างเผือกหลวงที่ย่างกุ้ง ไม่ยากเย็นอะไรเรียกแท็กซี่มาเช่นเคย ที่นี่ให้เข้าชมได้ไม่เก็บค่าเข้าครับ

แม้เราจะได้แค่ดูอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้าได้ใกล้จนถึงตัวช้างเผือกได้ แต่จากภาพตรงหน้าที่มีช้างเผือกสามเชือกให้ชม สำหรับผมนี่คือครั้งแรกที่เห็นช้างเผือกตัวเป็นๆ มากถึงสามเชือกครับ ตื่นเต้นทีเดียว

จากข้อมูลที่แสดงไว้ที่นี่ ตอนนี้ที่สวนช้างเผือกหลวง ณ นครย่างกุ้งนี้ มีสามเชือก ผมอยู่ที่นี่ตกชั่วโมงกว่า ทั้งๆที่รอบๆบริเวณไม่มีอะไรอื่นให้ดูอีกนอกจากช้างเผือก นั่งมองนั่งดูเพลินๆ ช้างก็คือช้าง จะธรรมดาหรือช้างเผือกอากัปกิริยาต่างๆก็น่ารักเสมอครับ เสียดายถ้ามีงบอีกหน่อย น่าจะสร้างอาคารนิทรรศการให้ข้อมูล ให้ความรู้ ตั้งแสดงประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องจะดีมากๆ เท่าที่ดูๆมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยมาชมไม่ขาดสายทีเดียว

วัดพระเขี้ยวแก้วจุฬามณี

นอกเมืองย่างกุ้ง วัดอีกแห่งที่ผมตั้งใจจะไปเยือนคือ วัดพระเขี้ยวแก้วจุฬามณี แม้จะเป็นวัดสร้างใหม่ในโอกาสที่อัญเชิญพระธาตุเขี้ยวแก้ว องค์ที่ประดิษฐานที่ นครปักกิ่ง ประเทศจีน มาที่วัดนี้เป็นการชั่วคราว และอัญเชิญกลับไปแล้วก็ตาม ( แนะนำอ่านบทความที่ผมเขียนไว้เรื่อง "น่ารู้เรื่องพระธาตุเขี้ยวแก้ว" และ "กราบนมัสการพระธาตุเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ ศรีลังกา" ประกอบครับ)

แต่เหตุที่ตั้งใจมาเพราะ ศรัทธาในพระธาตุเขี้ยวแก้ว รวมถึงจากที่ได้ไปกราบองค์พระธาตุเขี้ยวแก้วที่ศรีลังกาแล้ว รวมถึงมีโอกาสไปเยือนเมืองต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพระธาตุเขี้ยวแก้ว ทั้งที่แคนดี้ ซีอาน และมาย่างกุ้งจึงต้องไม่พลาด ยังขาดก็ที่ปักกิ่งครับ เรียกว่าตามรอยพระธาตุเขี้ยวแก้วทีเดียว

วัดพระเขี้ยวแก้วจุฬามณี ย่างกุ้ง อยู่นอกเมืองออกไปทางสนามบิน เจดีย์ใหญ่ที่เคยประดิษฐานพระธาตุเขี้ยวแก้ว (ตอนนี้ประดิษฐานองค์จำลอง) ก่อสร้างเป็นศิลปะพุกาม ยอดปราสาทหุ้มทองคำแท้ เหลืองอร่าม

เข้ามาในเจดีย์ถึงกับตะลึงในความอลังการและการจัดวาง พระธาตุเขี้ยวแก้วจำลอง ไว้ ณ ศูนย์กลางเจดีย์และรายล้อมด้วยเทวดาที่ยืนพิทักษ์พระธาตุเขี้ยวแก้วอยู่ทั้งสี่มุม

กราบพระธาตุเขี้ยวแก้วด้านในแล้ว เลยถือโอกาสเดินวนพระเจดีย์ซะหนึ่งรอบ บรรยากาศกำลังดีครับ แดดไม่มีเลยวันนี้จะไปเที่ยวทางไหนเลยสบายๆมากๆ ถ้ามาย่างกุ้งและสนใจก็อย่าลืมแวะมาที่วัดนี้นะครับ

ที่น่าสนใจและต้องรู้อีกอย่างนึงของการเป็นนักท่องเที่ยวแล้วเที่ยวไปตามวัดต่างๆในพม่า ที่แม้บางวัดจะไม่เสียค่าเข้าชม แต่ถ้าเรามีกล้องจะมีคนของทางวัดมาบอกว่าเราต้องเสียค่าธรรมเนียมกล้องเพื่อจะถ่ายรูปครับ ราคาก็ราวๆ 300 จ๊าดแล้วแต่วัดครับ

ตกค่ำผมแวะไปที่ภัตตาคารกาละเวกครับ ภัตตาคารชื่อดังตั้งอยู่ที่ทะเลสาบกันด่อจี โดยตัวภัตตาคารนั้นสร้างเป็นเรือปยีจีมุ่น สวยงามทีเดียว ที่นี่นักท่องเที่ยวมักจะแวะมาเพราะมีทั้งอาคารค่ำและการแสดงพื้นเมืองต่างๆให้ชม แนะนำนะครับว่าที่นี่รับแต่การจองล่วงหน้าเท่านั้น ไม่จองมาพลาดครับ

จากมุมมองจากทะเลสาบกันด่อจีนี้ ทอดสายตาไปยังมหาเจดีย์ชเวดากองที่ส่องแสงทองเหลืองอร่าม ทะท้อนพื้นน้ำของทะเลสาบช่างงดงามยิ่งนัก

อีกมุมเมื่อเดินออกมาจะกลับที่พัก มุมนี้เห็นทั้งเรือปยีจีมุ่นของภัตตาคารกาละเวก และเจดีย์ชเวดากอง มุมนี้เป็นมุมมองยอดนิยมสำหรับค่ำคืนในย่างกุ้งทีเดียววันนี้กลับที่พักฝันดีหล่ะ

 
IP: