จากบทความก่อนหน้านี้
ตอนที่ 1 >> 2013.09.28
- [รีวิว] ได้เวลาเปิดหูเปิดตา ลุยเดี่ยวเที่ยวพม่า "ย่างกุ้งในวันที่กำลังเปลี่ยนไป"
ตอนที่ 1
ตอนที่
2 >> 2013.09.29
- [รีวิว] ได้เวลาเปิดหูเปิดตา ลุยเดี่ยวเที่ยวพม่า "ย่างกุ้งในวันที่กำลังเปลี่ยนไป"
ตอนที่ 2
และตอนที่
3 >> 2013.10.22
- [รีวิว] ได้เวลาเปิดหูเปิดตา ลุยเดี่ยวเที่ยวพม่า "ย่างกุ้งในวันที่กำลังเปลี่ยนไป"
ตอนที่ 3
บนเส้นทางการเดินทางด้วยรถยนต์ในนครย่างกุ้งวันนี้นั้น
เห็นชัดๆว่าจำนวนรถยนต์มากขึ้นกว่าจำนวนถนนมาก ส่วนหนึ่งที่เห็นว่ามีเยอะคือ
แท็กซี่ที่สามารถหาได้ไม่ยาก การโดยสารแท็กซี่ที่นี่ต้องอาศัยการต่อรองราคาล้วนๆครับ
ถ้าพอรู้มาบ้างว่าจากจุดไหนไปไหน ราคาราวๆเท่าไหร่ก็จะง่ายขึ้นครับ
ราคาที่ผมเรียกไปไหนมาไหนแล้วตกลงคือที่ 2000 - 3000 จ๊าด
ไปไหนมาไหนในย่างกุ้ง
ผมว่าเรียกแท็กซี่สะดวกดีครับราคาไม่แพง ยิ่งถ้ามา 3 -
4 คนนี่ยิ่งคุ้มกว่ามาคนเดียว
ย่างกุ้งในสายฝน
ที่นี่ช่วงหน้าฝนอากาศค่อนข้างแปรปรวนนะครับ แดดเปรี้ยงๆเดี๋ยวเดียวฝนก็เทลงมาได้
คนที่นี่ถึงถือร่มติดมือกันตลอด
ในส่วนแท็กซี่เองเดิมนั้นป้ายทะเบียนจะเป็นภาษาพม่าครับ
เราๆนักท่องเที่ยวไปจะจดจำยากเผื่อเกิดเหตุต่างๆนานา ตอนนี้หลังเปิดประเทศและนักท่องเที่ยวเริ่มหลั่งไหลมา
รถแท็กซี่รุ่นหลังๆป้ายทะเบียนจะเป็นอักษรภาษาอังกฤษแล้ว
รถราเริ่มเยอะ
ถนนไม่พอให้รถวิ่ง แถมสภาพถนนทั่วไปในเมืองย่างกุ้งยังถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานมาก
เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการจราจร รถติดเริ่มเป็นปัญหาที่ที่นี่ต้องเผชิญ
ส่วนสภาพการซ่อมและสร้างถนนเพิ่มก็พอมีให้เห็น
ยิ่งปลายปีพม่าจะเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ด้วย ภาพนี้เป็นย่านใกล้ๆสนามกีฬาจึงมีการขยายถนนกันยกใหญ่
แต่เท่าที่ดูการก่อสร้างทำกันแบบง่ายๆครับ
ป้ายโปรโมทซีเกมส์ปลายปีนี้ที่พม่า
เริ่มมีให้เห็นตามจุดต่างๆ คุยกับคนที่นี่เค้าก็คาดหวังว่าจะมีคนมาเที่ยวพม่ามากขึ้นทั้งก่อนและหลังการแข่งขัน
ย่านตลาดการค้าจะมีทั้งตึกหนาแน่นและรถราติดขัด
/ ตามมุมถนนที่นี่ผมเดินผ่าน จะมีโถน้ำให้ผู้ผ่านไปมาที่กระหายน้ำตักทานได้
คล้ายๆต่างจังหวัดบ้านเรา
หลังเนินนั่นเป็นทะเลสาบครับ
รอบๆนั้นตกแต่งเป็นสวน ยามเย็นๆเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจและนั่งเล่น
ปางช้างเผือกหลวง
(Royal White Elephant Garden)
แต่โบราณนานมาทั้งไทยและพม่าถือคติเหมือนกันเรื่องช้างเผือก
ที่ถือเป็นสัตว์มงคลและแสดงถึงบุญบารมีของเจ้าผู้ครองนครนั้นๆ
ในบางช่วงของประวัติศาสตร์ ไทย-พม่า ก็มีชนวนเหตุแห่งการรบราฆ่าฟันกันเพราะช้างเผือก
สำหรับไทยนั้นช้างเผือกถือเป็นของพระมหากษัตริย์ จะมีการดูแลอยู่ในเขตพระราชฐาน
ณ โรงช้างหลวง แต่สำหรับพม่าที่ไม่มีสถาบันกษัตริย์ซะแล้วนั้น
ช้างเผือกที่เคยเป็นของคู่บารมีพระเจ้าแผ่นดิน แม้จะยังมีและถูกดูแลไว้
แต่สถานะวันนี้แตกต่างไป เหมือนกึ่งๆเป็นของแสดงแบบสิ่งหาดูยากไป
ไม่ได้มีสถานะสำคัญแบบของคู่บารมีแบบเดิม
ผมเองนั้นจำไม่ได้ว่าเคยเห็นช้างเผือกตัวจริงไหมในบ้านเรา
อาจเคยเห็นจากภาพถ่าย การที่รู้ว่าพม่าที่อุดมด้วยป่าเขา
และมีช้างเผือกมากมายตามประวัติศาสตร์ และมีให้เข้าชมได้ที่ย่างกุ้ง
จึงเป็นอีกที่ที่ผมสนใจไปชมครับ การเดินทางมาปางช้างเผือกหลวงที่ย่างกุ้ง
ไม่ยากเย็นอะไรเรียกแท็กซี่มาเช่นเคย ที่นี่ให้เข้าชมได้ไม่เก็บค่าเข้าครับ
แม้เราจะได้แค่ดูอยู่ห่างๆ
ไม่ได้เข้าได้ใกล้จนถึงตัวช้างเผือกได้ แต่จากภาพตรงหน้าที่มีช้างเผือกสามเชือกให้ชม
สำหรับผมนี่คือครั้งแรกที่เห็นช้างเผือกตัวเป็นๆ มากถึงสามเชือกครับ
ตื่นเต้นทีเดียว
จากข้อมูลที่แสดงไว้ที่นี่
ตอนนี้ที่สวนช้างเผือกหลวง ณ นครย่างกุ้งนี้ มีสามเชือก
ผมอยู่ที่นี่ตกชั่วโมงกว่า ทั้งๆที่รอบๆบริเวณไม่มีอะไรอื่นให้ดูอีกนอกจากช้างเผือก
นั่งมองนั่งดูเพลินๆ ช้างก็คือช้าง จะธรรมดาหรือช้างเผือกอากัปกิริยาต่างๆก็น่ารักเสมอครับ
เสียดายถ้ามีงบอีกหน่อย น่าจะสร้างอาคารนิทรรศการให้ข้อมูล
ให้ความรู้ ตั้งแสดงประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องจะดีมากๆ
เท่าที่ดูๆมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยมาชมไม่ขาดสายทีเดียว
วัดพระเขี้ยวแก้วจุฬามณี
นอกเมืองย่างกุ้ง
วัดอีกแห่งที่ผมตั้งใจจะไปเยือนคือ วัดพระเขี้ยวแก้วจุฬามณี
แม้จะเป็นวัดสร้างใหม่ในโอกาสที่อัญเชิญพระธาตุเขี้ยวแก้ว
องค์ที่ประดิษฐานที่ นครปักกิ่ง ประเทศจีน มาที่วัดนี้เป็นการชั่วคราว
และอัญเชิญกลับไปแล้วก็ตาม ( แนะนำอ่านบทความที่ผมเขียนไว้เรื่อง
"น่ารู้เรื่องพระธาตุเขี้ยวแก้ว"
และ "กราบนมัสการพระธาตุเขี้ยวแก้ว
เมืองแคนดี้ ศรีลังกา" ประกอบครับ)
แต่เหตุที่ตั้งใจมาเพราะ
ศรัทธาในพระธาตุเขี้ยวแก้ว รวมถึงจากที่ได้ไปกราบองค์พระธาตุเขี้ยวแก้วที่ศรีลังกาแล้ว
รวมถึงมีโอกาสไปเยือนเมืองต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพระธาตุเขี้ยวแก้ว
ทั้งที่แคนดี้ ซีอาน และมาย่างกุ้งจึงต้องไม่พลาด ยังขาดก็ที่ปักกิ่งครับ
เรียกว่าตามรอยพระธาตุเขี้ยวแก้วทีเดียว
วัดพระเขี้ยวแก้วจุฬามณี
ย่างกุ้ง อยู่นอกเมืองออกไปทางสนามบิน เจดีย์ใหญ่ที่เคยประดิษฐานพระธาตุเขี้ยวแก้ว
(ตอนนี้ประดิษฐานองค์จำลอง) ก่อสร้างเป็นศิลปะพุกาม ยอดปราสาทหุ้มทองคำแท้
เหลืองอร่าม
เข้ามาในเจดีย์ถึงกับตะลึงในความอลังการและการจัดวาง
พระธาตุเขี้ยวแก้วจำลอง ไว้ ณ ศูนย์กลางเจดีย์และรายล้อมด้วยเทวดาที่ยืนพิทักษ์พระธาตุเขี้ยวแก้วอยู่ทั้งสี่มุม
กราบพระธาตุเขี้ยวแก้วด้านในแล้ว
เลยถือโอกาสเดินวนพระเจดีย์ซะหนึ่งรอบ บรรยากาศกำลังดีครับ
แดดไม่มีเลยวันนี้จะไปเที่ยวทางไหนเลยสบายๆมากๆ ถ้ามาย่างกุ้งและสนใจก็อย่าลืมแวะมาที่วัดนี้นะครับ
ที่น่าสนใจและต้องรู้อีกอย่างนึงของการเป็นนักท่องเที่ยวแล้วเที่ยวไปตามวัดต่างๆในพม่า
ที่แม้บางวัดจะไม่เสียค่าเข้าชม แต่ถ้าเรามีกล้องจะมีคนของทางวัดมาบอกว่าเราต้องเสียค่าธรรมเนียมกล้องเพื่อจะถ่ายรูปครับ
ราคาก็ราวๆ 300 จ๊าดแล้วแต่วัดครับ
ตกค่ำผมแวะไปที่ภัตตาคารกาละเวกครับ
ภัตตาคารชื่อดังตั้งอยู่ที่ทะเลสาบกันด่อจี โดยตัวภัตตาคารนั้นสร้างเป็นเรือปยีจีมุ่น
สวยงามทีเดียว ที่นี่นักท่องเที่ยวมักจะแวะมาเพราะมีทั้งอาคารค่ำและการแสดงพื้นเมืองต่างๆให้ชม
แนะนำนะครับว่าที่นี่รับแต่การจองล่วงหน้าเท่านั้น ไม่จองมาพลาดครับ
จากมุมมองจากทะเลสาบกันด่อจีนี้
ทอดสายตาไปยังมหาเจดีย์ชเวดากองที่ส่องแสงทองเหลืองอร่าม
ทะท้อนพื้นน้ำของทะเลสาบช่างงดงามยิ่งนัก
อีกมุมเมื่อเดินออกมาจะกลับที่พัก
มุมนี้เห็นทั้งเรือปยีจีมุ่นของภัตตาคารกาละเวก และเจดีย์ชเวดากอง
มุมนี้เป็นมุมมองยอดนิยมสำหรับค่ำคืนในย่างกุ้งทีเดียววันนี้กลับที่พักฝันดีหล่ะ
IP:
|