จากบทความตอนที่แล้ว
>>
2013.08.07
- น่ารู้ เรื่องพระธาตุเขี้ยวแก้ว
ที่ผมหาข้อมูลและเขียนไว้เป็นข้อมูลถึงองค์พระธาตุเขี้ยวแก้ว
หรือพระทาฐธาตุซึ่งเป็นพระธาตุส่วนที่เป็นเขี้ยวขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
โดยได้กล่าวไว้แล้วว่าหลักฐานในพระคัมภีร์ได้ว่าไว้ว่า
พระธาตุเขี้ยวแก้วทั้ง 4 องค์ อยู่ที่ใดบ้าง อันได้แก่
-
พระธาตุเขี้ยวแก้วเบื้องบนขวา ท้าวสักกะอัญเชิญไปประดิษฐาน
ณ จุฬามณีเจดีย์ ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
- พระธาตุเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำขวา
ประดิษฐานที่แคว้นกาลิงคะ (บางตำราเรียก
กลิงครัฐ) แล้วจึงถูกอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ ลังกา (ศรีลังกาในปัจจุบัน)
- พระธาตุเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้าย
ประดิษฐาน ณ แคว้นคันธาระ แล้วเชื่อว่าถูกอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่เมืองฉางอัน
ประเทศจีน (ซีอาน) โดยพระภิกษุฟาเหียนเมื่อคราวจาริกไปสืบพระศาสนายังอินเดีย
ปัจจุบันพระธาตุเขี้ยวแก้วองค์นี้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ
พระมหาเจดีย์ ณ วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง
- พระธาตุเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำซ้าย
ประดิษฐานในภพพญานาค
อันจะเห็นได้ว่าบนโลกมนุษย์ของเรานี้
มีพระเขี้ยวแก้วขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่ 2
องค์ คือที่ศรีลังกาและจีน ส่วนอีกสององค์นั้นหนึ่งอยู่บนสวรรค์
และอีกหนึ่งอยู่ที่เมืองบาดาลของพญานาคครับ ซึ่งสององค์หลังนั้นสุดที่มนุษย์อย่างผมจะได้มีโอกาสไปกราบนมัสการได้ในตอนนี้
ดังนั้นองค์พระธาตุเขี้ยวแก้วสององค์ที่อยู่ในโลกมนุษย์จึงเป็นความตั้งใจอยากจะไปกราบให้ได้
รวมถึงได้มีโอกาสจะได้ไปวัดที่ประดิษฐานหรือเคยประดิษฐานครับ
เดินทางสู่เมืองแคนดี้
กราบพระธาตุเขี้ยวแก้ว ณ ดินแดนแห่งศรัทธา "ศรีลังกา"
แคนดี้เป็นเมืองสำคัญเมืองนึงของประเทศศรีลังกาครับ
ดินแดนที่ประชาชนนับถือและศรัทธาพระพุทธศาสนามากที่สุดประเทศหนึ่ง
แคนดี้ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศในแถบเทือกเขาสูงกลางเกาะ (ประเทศศรีลังกาเป็นเกาะอยู่กลางมหาสุทรอินเดียครับ)
การเดินทางจากไทยไปนั้นผมบินไปลงโคลัมโบ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของศรีลังกา
และเดินทางโดยรถยนต์ต่อไปแคนดี้
ถนนหนทางที่ใช้เดินทางจากเมืองโคลัมโบไปยังแคนดี้มีสภาพตามรูปครับ
แต่การเดินทางก็ไม่ได้ยากลำบากอะไร รถราวิ่งไปได้เรื่อยๆแม้จะไม่ได้เร็วนัก
นั่งชมบ้านชมเมืองเค้าไปเพลินๆ ตลอดสองข้างทางมีวิถีชีวิตของชาวบ้านให้มองได้ไม่รู้เบื่อ
แปลกตาดีครับ
เมื่อเข้าเขตเมืองแคนดี้
สภาพจากชนบทก็กลายเป็นตึกรามบ้านช่อง รถรามากมาย แต่ที่เยอะมากๆคือผู้คนครับ
ไม่รู้ผู้คนที่นี่เค้ากำลังจะไปไหนกัน หรือมาซื้อของอะไรกันในเมือง
มองไปทางไหนผู้คนเยอะแยะไปหมด ตามข้างทางในย่านชุมชนนี่เห็นเดินเบียดกันแน่น
แม้ศรีลังกาจะเป็นเมืองที่มีรากฐานผูกพันธ์กับพระพุทธศาสนามาช้านาน
แต่ในยุคที่ตกเป็นเมืองขึ้นอังกฤษนั้นทำให้คริสต์ศาสนาได้แผ่ขยายมายังที่นี่
ในเมืองแคนดี้เราจึงเห็นทั้งวัดพุทธฯ และโบสถ์คริสต์อยู่ทั่วไป
ภาพจากมุมสูงมองลงไปยังเมืองแคนดี้ครับ
เมืองแคนดี้
(Kandy) มาจากภาษาสิงหล (ขันธะ) ที่หมายถึงเนินเขาครับ
เดิมเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรแคนดี้ของชนชาวสิงหล ซึ่งเรืองอำนาจมากที่สุดประมาณศตวรรษที่
15 สภาพเมืองเป็นเหมือนเมืองในหุบเขาครับ แคนดี้อยู่สูง 1,600
ฟุต หรือราว 500 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีประชากรราว 2 แสนคน
(ข้อมูลปี 2011) คนไทยรู้จักแคนดี้ดีเพราะชาวพุทธต่างอยากเดินทางมาแคนดี้เพื่อกราบนมัสการพระธาตุเขี้ยวแก้วที่ประดิษฐานอยู่
ณ วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว หรือวัดศรี ดาลาดา มัลลิกาวะ (Sri
Dalada Maligawa Temple) ที่นี่ครับ
วัดศรี
ดาลาดา มัลลิกาวะ (Sri Dalada Maligawa Temple) มองจากมุมสูงครับ
ใต้หลังคาสีทองนั่นคือที่ที่พระธาตุเขี้ยวแก้ว 1 ใน 2 องค์ที่อยู่บนโลกมนุษย์ประดิษฐานอยู่
ครั้งหนึ่งของมหามงคลชีวิต
กราบนมัสการพระธาตุเขี้ยวแก้ว
นับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่
9 ที่พระธาตุเขี้ยวแก้วองค์นี้ได้ประดิษฐานอยู่บนแผ่นดินลังกาแห่งนี้มาโดยตลอด
มิเคยถูกนำออกนอกประเทศเลย ต่างจากองค์ที่ประดิษฐานที่ประเทศจีนที่มีการนำออกจากจีนไปยังประเทศต่างๆเพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสนมัสการ
เหตุที่เป็นดังนั้นเพราะชาวศรีลังกานั้น ให้ความเคารพสูงสุด
และถือเป็นสมบัติชิ้นสำคัญของชาติ ส่วนอีกความเชื่อคือชาวศรีลังกาเชื่อว่าหากนำพระธาตุเขี้ยวแก้วออกนอกประเทศจะนำภัยพิบัติมาสู่ศรีลังกาครับ
พระธาตุเขี้ยวแก้วจะถูกประดิษฐานไว้ในหอพระธาตุเขี้ยวแก้วในวัด
ที่มีการปิดล็อคแน่นหนา ไม่ได้เปิดให้เข้ากราบไหว้ได้ทุกวัน
คนไทยหรือคนศรีลังกาเองถ้าไม่ได้ไปช่วงเทศกาลที่ในปีๆนึงก็จะมีไม่กี่วันที่เปิดให้เข้ากราบถึงในหอที่เก็บพระธาตุเขี้ยวแก้วได้
ก็จะต้องกราบและวางดอกไม้บูชาอยู่เพียงด้านนอก หรือต้องเป็นบุคคลพิเศษหรือโอกาสพิเศษจริงๆ
แต่ด้วยบุญบารมีของครูบาอาจารย์ที่ท่านนำพาผมไป
และความกรุณาของพระสังฆนายก แห่งวัดอัสสคีรี วัดสายสยามวงศ์ที่แคนดี้
วันที่คณะเดินทางของพวกเรา ไปยังวัดดาลาดา มัลลิกาวะ จึงได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษที่จะได้เข้ากราบถึงองค์พระธาตุเขี้ยวแก้วถึงในหอพระฯ
โดยคณะของพวกผมตอนแรกก็ไม่ได้ทราบล่วงหน้า พอทราบว่าได้รับโอกาสพิเศษทุกคนต่างปลื้มปิติ
ส่วนผมนั้นทั้งดีใจ ปลื้มปิติ และตื่นเต้นบอกไม่ถูกเลยครับ
อีกเรื่องที่ถือว่าพิเศษมากๆคือ เราได้รับการอนุญาตให้บันทึกภาพด้วย
ดังนั้นภาพชุดนี้ถือเป็นภาพชุดหาชมยาก เชิญรับชมไปพร้อมๆกันครับ
เฝ้ารอและเดินทางมาหลายพันกิโลเมตรบัดนี้หอพระธาตุเขี้ยวแก้วอยู่เบื้องหน้าผมนี่เอง
ขนลุก ปิติ ตลอดเวลา
ทางเข้าวิหารของวัดดาลาดา
มัลลิกาวะ ประดิษฐานพระประธานและโดยรอบมีภาพวาดประวัติของพระธาตุเขี้ยวแก้ว
ภาพวาดบอกเล่าเรื่องราวพระธาตุเขี้ยวแก้ว
จนมาประดิษฐานในหอพระธาตุเขี้ยวแก้วแห่งนี้
ใต้หลังคาทองคำที่เห็นไกลๆจากมุมสูงก่อนหน้านี้ครับ
โดยรอบของหอพระธาตุเขี้ยวแก้วมีภาพจิตรกรรมสวยงามโดยรอบ
ประตูด้านหลังของหอพระธาตุเขี้ยวแก้ว
ปิดล็อคกุญแจแน่นหนาเลยครับ
ทางขึ้นหอพระฯ
พระอาจารย์ที่เดินทางไปด้วยบอกว่า รูปเทพสององค์ที่พิทักษ์ทางขึ้นหอพระธาตุฯนี้คือ
องค์ท้าวขัดตุคาม และ ท้าวรามเทพ ซึ่งท่านเป็นเทวดารักษาพระธาตุฯมาช้านาน
ตามความเชื่อของพระพุทธศาสนาเราครับ กว่าพันปีแล้วที่ท่านปกปักษ์รักษาพระธาตุเขี้ยวแก้ว
ณ ที่นี้
ด้านนี้คือประตูด้านหน้าของทางขึ้นหอพระธาตุฯ
ทางเข้านมัสการครับ
ทางเข้าหอพระธาตุฯ
ที่มีบานประตูอยู่ด้านหลังม่านครับ มีนายทวารยืนเฝ้าตลอดเวลาและจะเห็นว่าตอนนี้หอพระฯไม่ได้เปิดนะครับ
พุทธศาสนิกชนจะได้กราบไหว้และวางดอกไม้บูชาที่จุดนี้ โดยขณะที่ผมไปนั้นก็มีทั้งดอกไม้และพุทธศาสนิกชนนั่งสวดมนตร์อยู่มากมายครับ
ซึ่งคนตรงนั้นก็ไม่ทราบมาก่อนว่ากำลังจะมีการเปิดหอพระธาตุฯ
เดิมทีผมคิดว่าเมื่อเราจะได้เข้าไปกราบก็คงจะทำเพียงมาเปิดกุญแจ
แต่จากที่เห็นนั้นพบว่า การจะเปิดหอพระธาตุฯนั้น ไม่ได้นึกจะเปิดก็เปิดเลย
เค้ามีขั้นตอนและพิธีที่น่าสนใจมากครับ
เริ่มจากแรกที่มีแค่นายทวารยืนเฝ้า
ตอนนี้หน้าหอพระเริ่มมีเจ้าหน้าที่ของวัดมาเตรียมพร้อม มีการขั้นเชือก
มีนักดนตรีเดินเข้ามาหน้าประตูและเริ่มตีกลอง
ณ ตรงนั้นคนศรีลังกาเองที่กราบๆอยู่ สวดมนตร์อยู่เริ่มฮือฮาและพูดต่อๆกันแล้วว่า
กำลังจะมีการเปิดหอพระธาตุฯ
ชาวศรีลังกาต่างทยอยเข้ามาเรื่อยๆ
ดูท่าทางพิธีแบบนี้คงไม่ได้มีบ่อยจริงๆ ดูเค้าก็ต่างมารอชมด้วยความสนใจ
เริ่มมีเสียง สาธุ สาธุ สาธุ... ดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย (เวลาไปทำบุญตามวัดต่างๆในศรีลังกา
คนที่นั่นจะเอาจริงเอาจังกับ อนุโมทนามัย หรือ "บุญที่เกิดจากการแสดงความชื่นชมยินดีในบุญกุศลหรือความดีที่ผู้อื่นทำ"
เป็นอย่างมากครับ เค้าจะสาธุด้วยเสียงอันดัง ต่อเนื่องยาวนาน
และขอแตะ หรือขอจบของถวาย ของทำบุญที่เรากำลังจะทำด้วยบุญศรัทธาสูงสุด)
เมื่อบานประตูหอพระธาตุเขี้ยวแก้วเปิดออก
คณะสงฆ์และครูบาอาจารย์ที่ท่านนำผมไปก็นำคณะเข้าไปก่อน ส่วนเราก็ค่อยๆตามชายผ้าเหลืองท่านเข้าไปด้วย
ที่ไวกว่าผมคือพุทธศาสนิกชนศรีลังกาที่ทยอยเข้าไปด้วย อันนี้ไม่ว่ากันครับเพราะผมเชื่อว่าเราต่างมาที่นี่ด้วยวัตถุประสงค์เดียวกัน
และเค้าคงกำลังรู้สึกแบบผมแน่ ทั้งหมดอยู่ในอาการสำรวมสูงสุด
ส่วนคนรอบๆยังคงส่งเสียง สาธุ สาธุ สาธุ ไม่ขาดสาย
ในระหว่างที่ทยอยเข้าไปกราบพระธาตุฯด้านใน
ในหอพระธาตุฯนั้นมีพระพุทธรูปและเครื่องบูชา ทั้งเพชรนิลจินดา
เครื่องทองมากมายที่มหากษัตริย์ มหาราชาองค์ต่างๆเคยถวายเป็นพุทธบูชา
เพื่อแสดงถึงความศรัทธา
หลังม่านอีกชั้นนั้นคือที่ที่พระธาตุเขี้ยวแก้วประดิษฐานอยู่ครับ
ลวดลายเหนือบานประตูชั้นสุดท้าย
ภาพนี้ปรากฏตรงหน้าทั้งขนลุก
ปลื้มปิติและรู้สึกเป็นบุญที่สุดที่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสกราบนมัสการองค์พระธาตุเขี้ยวแก้วใกล้ชิดถึงเพียงนี้
วินาทีนั้นสุดจะบรรยายจริงๆครับ สมแล้วกับสิ่งที่ตั้งใจเดินทางมายาวไกล
"ขอกราบนมัสการองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ด้วยความเคารพบูชา บุญกุศลใดที่เกิดจากการได้เผยแผ่ข้อมูลนี้แก่ผู้ศรัทธาเป็นธรรมทานแล้วนั้น
ขอนอบน้อมถวายเป็นพุทธบูชา"
โอกาสต่อไปจะได้เขียนพาไปวัดที่เคยเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วอีกองค์หนึ่งที่
ซีอาน ประเทศจีน และที่ย่างกุ้ง พม่าครับ ขอบคุณที่สนใจติดตามนะครับ
ดูอัลบั้ม
>> https://www.facebook.com/
IP:
|